Program
Botox
“ที่ Mind Home Clinic ร้อยเอ็ด”
Aesthetic Skin Laser & Facial Design Center and Cosmetic Surgery ปรับรูปหน้า วิเคราะห์โครงสร้างใบหน้า ศัลยกรรมใบหน้า ด้วยแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์ และเชี่ยวชาญโครงสร้างใบหน้า
Mind Home Clinic
มายด์โฮมคลินิก ร้อยเอ็ด
การรักษาที่นิยมในคลินิกความงามทั่วโลก BOTOX หรือที่รู้จักในชื่อ โบทูลินั่ม ท็อกซินใช้ในการลดริ้วรอยและปรับปรุงลักษณะทางการแพทย์อื่นๆ โบท็อกทำงานโดยชะลอกล้ามเนื้อที่ก่อให้เกิดริ้วรอย ลดการหดตัวของกล้ามเนื้อที่ทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น มีประโยชน์อื่นๆ เช่น การรักษาเหงื่อออกมากผิดปกติ การควบคุมอาการสะอึก และบางกรณีของไมเกรน
การรักษาด้วยโบท็อกมักจะรวดเร็วและไม่ต้องพักฟื้น เป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัดและเจ็บน้อย ผลลัพธ์จะปรากฏหลังจากไม่กี่วันและสามารถอยู่ได้หลายเดือน อย่างไรก็ตาม ผู้รับการรักษาควรระวังเรื่องผลข้างเคียงและควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการรักษาเพื่อประเมินความเหมาะสมและความปลอดภัย ปรึกษาฟรีได้ที่ Mind Home Clinic คลินิกความงามร้อยเอ็ด
หัวข้อที่น่าสนใจ
- โบท็อก คืออะไร ?
- โบท็อก ช่วยอะไร ?
- โบท็อก ฉีดตรงไหนได้บ้าง ?
- ข้อดีของการฉีดโบท็อก
- ผลข้างเคียงของการฉีดโบท็อก
- โบท็อกอยู่ได้กี่เดือน
- โบท็อก ฉีดบ่อยแค่ไหน
- ฉีดโบท็อกกี่วันเห็นผล
- อาการหลังฉีดโบท็อก
- ข้อห้ามหลังฉีดโบท็อก
- เปรียบเทียบ Botulinum Toxin แต่ล่ะยี่ห้อ
- ผลิตภัณฑ์โบทูลินั่มท็อกซินที่ มายด์โฮมคลินิก มีให้บริการ
1. โบท็อก คืออะไร ?
โบท็อก หรือที่รู้จักในชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Botulinum toxin เป็นสารพิษที่ผลิตโดยแบคทีเรีย Clostridium botulinum ในด้านการแพทย์และความงาม โบท็อก ถูกใช้เป็นการรักษาในรูปแบบที่บริสุทธิ์และในปริมาณที่ควบคุมได้เพื่อบรรเทาริ้วรอยและปัญหาผิวพรรณอื่นๆ มันทำงานโดยการชะลอหรือป้องกันการหดตัวของกล้ามเนื้อในบริเวณที่ได้รับการฉีด ช่วยลดการปรากฏของริ้วรอยและสามารถใช้เพื่อปรับปรุงรูปลักษณ์ของผิวหน้า
นอกจากนี้ โบท็อก ยังมีการใช้งานในการรักษาทางการแพทย์เช่น การรักษาโรคเหงื่อออกมากผิดปกติ การควบคุมอาการสะอึก รักษาอาการกระตุกของกล้ามเนื้อบางประเภท และในบางกรณีของไมเกรน
ดังนั้น การใช้โบท็อก ต้องดำเนินการโดยแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง เนื่องจากสารนี้ต้องใช้ในปริมาณที่ถูกต้องและต้องการความระมัดระวังในการใช้งาน การรักษาด้วย Botox ส่วนใหญ่มีผลชั่วคราวและอาจต้องทำซ้ำเป็นระยะเพื่อรักษาผลลัพธ์
2. โบท็อก ช่วยอะไร ?
โบท็อก ซึ่งเป็นรูปแบบของโบทูลินั่ม ท็อกซิน มีประโยชน์หลายอย่างทั้งในด้านการแพทย์และความงาม เช่น
- การลดริ้วรอย : โบท็อก มักใช้เพื่อลดริ้วรอยบนใบหน้า โดยเฉพาะที่หน้าผาก รอบดวงตา และระหว่างคิ้ว มันช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดริ้วรอย ทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น
- การรักษาเหงื่อออกมากผิดปกติ : ใช้ โบท็อก เพื่อรักษา Hyperhidrosis ซึ่งเป็นสภาวะที่ทำให้เหงื่อออกมากผิดปกติ โดยเฉพาะที่มือ แขนขา และใต้วงแขน
- การรักษาอาการกระตุกของกล้ามเนื้อ : โบท็อก ช่วยในการรักษาสภาวะที่ทำให้เกิดอาการกระตุกของกล้ามเนื้อ เช่น ในกรณีของ Blepharospasm (การกระตุกของเปลือกตา)
- การรักษาอาการสะอึก : ใช้ โบท็อก เพื่อช่วยลดอาการสะอึกที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาอื่น
- การลดอาการไมเกรน : สำหรับผู้ที่เป็นไมเกรนเรื้อรัง โบท็อก สามารถช่วยลดความถี่และความรุนแรงของอาการไมเกรนได้
- การรักษาภาวะทางการแพทย์อื่นๆ : ใช้ โบท็อก ในการรักษาสภาวะทางการแพทย์เฉพาะทางอื่นๆ เช่น สภาวะกล้ามเนื้อตึงเกร็งในผู้ป่วยโรคระบบประสาท รักษาบางสภาวะของอาการปัสสาวะผิดปกติ และการรักษาสภาวะทางการแพทย์ของเด็กๆ
การใช้ โบท็อก ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เนื่องจากมีผลข้างเคียงและข้อจำกัดในการใช้งาน
3. โบท็อก ฉีดตรงไหนได้บ้าง ?
การฉีดโบท็อก สามารถทำได้ในหลายบริเวณของร่างกาย ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการรักษา ดังนี้
- บนใบหน้า : โบท็อกมักใช้ในการลดริ้วรอยบนใบหน้า เช่น รอบดวงตา (crow’s feet) ระหว่างคิ้ว (frown lines) บนหน้าผาก (forehead lines) รอบปาก และบริเวณคาง
- ใต้วงแขน: ใช้ในการรักษาเหงื่อออกมากผิดปกติ (hyperhidrosis) โดยการฉีดใต้วงแขนเพื่อลดการผลิตเหงื่อ
- บริเวณแขนและมือ : สำหรับผู้ที่มีปัญหาเหงื่อออกมากในบริเวณนี้ โบท็อกสามารถช่วยลดอาการได้
- บริเวณหน้าผากและรอบดวงตา : ใช้เพื่อลดริ้วรอยและผ่อนคลายกล้ามเนื้อในบริเวณเหล่านี้
- บริเวณหลังคอและไหล่ : ในการรักษาบางอาการเช่น อาการปวดหลังคอหรืออาการกระตุกของกล้ามเนื้อ
- บริเวณแก้มและขากรรไกร : โบท็อกบางครั้งใช้เพื่อลดขนาดของกล้ามเนื้อบริเวณขากรรไกรเพื่อปรับรูปลักษณ์ของหน้า
- บริเวณกระเพาะปัสสาวะ : ในการรักษาสภาวะปัสสาวะผิดปกติ โบท็อกอาจถูกฉีดเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะเพื่อช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
การใช้โบท็อกควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากต้องใช้ในปริมาณที่ถูกต้องและต้องการความระมัดระวังในการใช้งานเพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียง
4. ข้อดีของการฉีดโบท็อก
การฉีดโบท็อกมีข้อดีหลายประการทั้งในด้านความงามและการแพทย์ ดังนี้
- ลดริ้วรอยและปรับปรุงลักษณะผิว : การฉีดโบท็อกช่วยลดการปรากฏของริ้วรอยบนใบหน้า เช่น รอบดวงตา หน้าผาก และระหว่างคิ้ว ผลลัพธ์คือผิวที่ดูเรียบเนียนและหน้าตาที่ดูอ่อนเยาว์ขึ้น
- ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและไม่ต้องพักฟื้น : การฉีดโบท็อกเป็นกระบวนการที่รวดเร็ว ทำได้ภายในไม่กี่นาที และไม่ต้องการเวลาพักฟื้น ผู้รับการรักษาสามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ทันทีหลังการฉีด
- ไม่ต้องผ่าตัด : เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการปรับปรุงลักษณะผิวหน้าแต่ไม่ต้องการผ่าตัด
- การรักษาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ : เมื่อทำโดยแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญที่มีความเชี่ยวชาญ การฉีดโบท็อกถือเป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง
- ใช้ในการรักษาสภาพทางการแพทย์ : โบท็อกไม่เพียงแต่ใช้ในการปรับปรุงลักษณะผิวเท่านั้น แต่ยังใช้ในการรักษาอาการกระตุกของกล้ามเนื้อ การควบคุมอาการสะอึก การลดเหงื่อออกมากผิดปกติ และบางกรณีของไมเกรน
- ผลลัพธ์ที่อยู่ได้นาน : แม้ว่าผลลัพธ์จากการฉีดโบท็อกจะเป็นชั่วคราว แต่มันสามารถอยู่ได้นานหลายเดือน ทำให้ผู้รับการรักษาไม่ต้องทำซ้ำบ่อยครั้ง
- ความมั่นใจและความพึงพอใจที่เพิ่มขึ้น : การปรับปรุงลักษณะผิวหน้าและลดริ้วรอยสามารถช่วยเพิ่มความมั่นใจและความพึงพอใจในรูปลักษณ์ของตนเอง
แม้จะมีข้อดีหลายประการ แต่การฉีดโบท็อกก็มีข้อจำกัดและความเสี่ยงที่ควรพิจารณา ผู้ที่สนใจควรปรึกษาแพทย์เพื่อหารือเกี่ยวกับความเหมาะสมและความปลอดภัยก่อนทำการรักษา
5. ผลข้างเคียงของการฉีดโบท็อก
การฉีดโบท็อกมีผลข้างเคียงและความเสี่ยงบางประการที่ควรพิจารณา ดังนี้
- ผลข้างเคียง : การฉีดโบท็อกอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น อาการปวด บวม และความรู้สึกไม่สบายที่บริเวณที่ฉีด ปวดหัว และอาการอ่อนเพลีย ในกรณีที่หายาก อาจเกิดการกระจายของสารโบทูลินั่มท็อกซินไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย
- ผลลัพธ์ที่ไม่เป็นธรรมชาติ : หากการฉีดไม่ถูกต้องหรือใช้โบท็อกมากเกินไป อาจทำให้ใบหน้าดูแข็งหรือไม่เป็นธรรมชาติ ลดการแสดงออกทางอารมณ์
- ผลลัพธ์ที่ชั่วคราว : ผลลัพธ์จากการฉีดโบท็อกมีลักษณะชั่วคราวและจะเริ่มจางหายไปหลังจากเวลาหลายเดือน ต้องการการฉีดซ้ำเพื่อรักษาผลลัพธ์
- ความเสี่ยงของการเกิดอาการชาหรือเสียการควบคุมกล้ามเนื้อ : ในกรณีที่หายาก โบท็อกอาจทำให้เกิดอาการชาหรือการสูญเสียการควบคุมกล้ามเนื้อในบริเวณที่ฉีด
- ต้องใช้โดยผู้เชี่ยวชาญ : การฉีดโบท็อกต้องทำโดยแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์เพื่อลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงและผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์
- ไม่เหมาะสำหรับทุกคน : บางคนอาจมีข้อห้ามในการใช้โบท็อก เช่น ผู้ที่มีภาวะแพ้โบทูลินั่มท็อกซิน ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร หรือผู้ที่มีสภาพปัญหาสุขภาพบางอย่าง
- ต้องการการฉีดอย่างต่อเนื่อง : เพื่อรักษาผลลัพธ์ ต้องทำการฉีดโบท็อกซ้ำทุกๆ 3-6 เดือน ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมและความไม่สะดวก
การพิจารณาข้อดีและผลข้างเคียงก่อนการรักษาเป็นสิ่งสำคัญ และควรปรึกษาแพทย์เพื่อหารือถึงความเหมาะสมและความปลอดภัยของการฉีดโบท็อกสำหรับตัวคุณเอง
6. โบท็อกอยู่ได้กี่เดือน
ผลลัพธ์จากการฉีดโบท็อกมักจะอยู่ได้ประมาณ 3-6 เดือน อย่างไรก็ตาม ระยะเวลานี้อาจแตกต่างกันไปตามบุคคล พื้นที่ที่ได้รับการฉีด และปริมาณของโบท็อกที่ใช้ นอกจากนี้ ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น
- เมตาบอลิซึมของบุคคล : ผู้ที่มีเมตาบอลิซึมสูงอาจสังเกตเห็นว่าผลลัพธ์จากการฉีดโบท็อกจางหายเร็วกว่า
- ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ : บริเวณที่มีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงและใช้งานบ่อย เช่น บริเวณรอบดวงตา อาจทำให้โบท็อกอยู่ได้น้อยกว่า
- ปริมาณของโบท็อกที่ฉีด : การฉีดโบท็อกในปริมาณที่เหมาะสมสำหรับบริเวณที่ต้องการจะช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น
- ความถี่ในการรับการรักษา : ผู้ที่ได้รับการฉีดโบท็อกอย่างสม่ำเสมออาจสังเกตเห็นว่าผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้นเนื่องจากการฉีดซ้ำช่วยลดกิจกรรมของกล้ามเนื้อในบริเวณนั้น
โดยทั่วไป แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อหารือเกี่ยวกับความคาดหวังที่เหมาะสมและกำหนดการฉีดซ้ำที่เหมาะสมตามความต้องการและสภาพผิวของแต่ละบุคคล
7. โบท็อก ฉีดบ่อยแค่ไหน
ความถี่ในการฉีดโบท็อก ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ปริมาณของโบท็อกที่ใช้ พื้นที่ที่ได้รับการรักษา และการตอบสนองของร่างกายของแต่ละบุคคลต่อการรักษา โดยทั่วไป การฉีดโบท็อกมักทำซ้ำทุก 3-6 เดือน นี่คือคำแนะนำทั่วไป
- ระยะเวลาของผลลัพธ์ : ผลลัพธ์จากการฉีดโบท็อกมักจะอยู่ได้ประมาณ 3-6 เดือน ผลลัพธ์เริ่มจางหายเมื่อกล้ามเนื้อเริ่มกู้คืนการทำงานเต็มที่
- การประเมินผลลัพธ์ : หลังจากการฉีดครั้งแรก แพทย์จะประเมินผลลัพธ์และอาจแนะนำการฉีดซ้ำในกรณีที่ต้องการปรับปรุงหรือรักษาผลลัพธ์
- การปรับการรักษา : บางครั้ง ผู้รับการรักษาอาจต้องการการฉีดซ้ำที่มีปริมาณน้อยลงหรือในบริเวณที่แตกต่างกันเพื่อรักษาผลลัพธ์ที่ต้องการ
- คำแนะนำของแพทย์ : แพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับความถี่ในการฉีดที่เหมาะสมตามความต้องการของแต่ละบุคคล
สำคัญที่จะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และไม่ฉีดโบท็อกบ่อยเกินไป เนื่องจากการฉีดที่บ่อยเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงของผลข้างเคียงและอาจทำให้ร่างกายสร้างความต้านทานต่อโบท็อกได้
8. ฉีดโบท็อกกี่วันเห็นผล
การฉีดโบท็อก โดยปกติแล้วจะเริ่มเห็นผลภายใน 3-7 วันหลังการฉีด อย่างไรก็ตามผลลัพธ์สูงสุดมักจะปรากฏชัดเจนในช่วง 10-14 วันหลังการฉีด ความเข้มข้นของผลลัพธ์และระยะเวลาที่มันอยู่นั้นอาจแตกต่างกันไปตามบุคคล การใช้โบท็อกสามารถช่วยลดริ้วรอยและปรับปรุงลักษณะของผิวได้ แต่ผลลัพธ์ไม่ถาวรและมักจะต้องทำการฉีดซ้ำทุกๆ 3-6 เดือนเพื่อรักษาผลลัพธ์ให้คงอยู่
9. อาการหลังฉีดโบท็อก
หลังจากการฉีดโบท็อก ผู้ที่รับการฉีดอาจประสบกับอาการดังต่อไปนี้
- ความรู้สึกไม่สบายในบริเวณที่ฉีด : อาจมีความรู้สึกแน่นหรือเจ็บเล็กน้อยที่บริเวณที่ฉีด ซึ่งมักจะหายไปภายในไม่กี่วัน
- บวมและรอยช้ำ : บางครั้งอาจมีอาการบวมหรือรอยช้ำเล็กน้อยที่บริเวณการฉีด ซึ่งจะหายไปเองภายในไม่กี่วันถึงหนึ่งสัปดาห์
- ปวดหัว : ผู้ที่รับการฉีดบางคนอาจมีอาการปวดหัว แต่อาการนี้มักจะเป็นเพียงชั่วคราว
- ความรู้สึกแน่นหรือหนักในบริเวณที่ฉีด : ในบางกรณี อาจมีความรู้สึกแน่นหรือหนักเล็กน้อยที่บริเวณการฉีด
- ไม่ควรนวดหรือกดที่บริเวณที่ฉีด : หลีกเลี่ยงการนวดหรือกดที่บริเวณที่ฉีดหลังการรับการฉีดอย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการกระจายของโบท็อกไปยังบริเวณอื่น
- เวียนศีรษะหรืออาการเหมือนจะเป็นลม : ในกรณีที่หายาก บางคนอาจมีอาการเวียนศีรษะหรือรู้สึกเหมือนจะเป็นลมหลังการฉีด
- การหย่อนคล้อยของกล้ามเนื้อ : ในกรณีที่หายากมาก การฉีดโบท็อกอาจทำให้เกิดการหย่อนคล้อยของกล้ามเนื้อในบริเวณที่ใกล้เคียงกับที่ฉีด
เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ที่รับการฉีดโบท็อกควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดและติดต่อแพทย์ทันทีหากพบว่ามีอาการผิดปกติหลังการฉีด
10. ข้อห้ามหลังฉีดโบท็อก
หลังจากการฉีดโบท็อก มีข้อห้ามบางประการที่ควรปฏิบัติตามเพื่อป้องกันผลข้างเคียงและรักษาผลลัพธ์ให้ได้ดีที่สุด
- หลีกเลี่ยงการนวดหรือกดที่บริเวณที่ฉีด : ควรหลีกเลี่ยงการนวดหรือกดที่บริเวณที่ฉีดอย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังการฉีด เพื่อป้องกันการกระจายของโบท็อกไปยังบริเวณอื่นๆ
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก : ควรงดการออกกำลังกายหนักหรือกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายร้อนมากเป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังการฉีด
- ไม่นอนราบหรือโน้มหน้าลง : ควรหลีกเลี่ยงการนอนราบหรือโน้มหน้าลงเป็นเวลาหลายชั่วโมงหลังการฉีด เพื่อป้องกันโบท็อกจากการเคลื่อนที่ไปยังบริเวณอื่น
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อนสูง : ควรหลีกเลี่ยงการใช้ซาวน่า อ่างน้ำร้อน หรือการอาบน้ำร้อนมากเป็นเวลา 24 ชั่วโมงหลังการฉีด
- ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ : ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนและหลังการฉีด
- หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าหนัก : หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางหนักที่บริเวณที่ฉีดโบท็อกในช่วง 24 ชั่วโมงแรก
- ไม่ใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์บางชนิด : ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาที่อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดรอยช้ำ เช่น แอสไพรินหรือยาต้านการอักเสบ
ข้อแนะนำเหล่านี้มีจุดประสงค์เพื่อช่วยให้การรักษาด้วยโบท็อกมีประสิทธิภาพสูงสุดและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง
11. เปรียบเทียบ Botulinum Toxin แต่ล่ะยี่ห้อ
แม้โบท็อกทุกยี่ห้อจะเป็นสารโบทูลินัม ท็อกซิน เอ ที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทเหมือนกัน แต่คุณสมบัติของตัวยาจะแตกต่างกันจากหลาย ๆ ปัจจัย เช่น สายพันธุ์ของแบคทีเรีย กรรมวิธีทำให้ตัวยาบริสุทธิ์ ชนิด Protein Complex และขนาดของ Molecule Complex

- โบท็อกอเมริกา Allergan โบท็อกตัวแรกของโลก มีความบริสุทธิ์สูง ลดโอกาสดื้อโบ ตัวยากระจายตัวแคบที่สุด มีความแม่นยำ สามารถฉีดในมัดกล้ามเนื้อขนาดเล็ก อยู่ได้นานกว่าโบท็อกเกาหลีประมาณ 20% แต่ราคาสูงกว่าโบท็อกยี่ห้ออื่น ๆ
- โบท็อกอังกฤษ Dysport ตัวยากระจายตัวดีที่สุด ไม่กระจุกตัว ออกฤทธิ์ไว เหมาะกับการฉีดโบท็อกลดกราม ฉีดในบริเวณที่ต้องการให้ตัวยากระจายตัวกว้าง เช่น ลดน่อง ลดเหงื่อรักแร้ ฝ่ามือ ฝ่าเท้า หรือลิฟหน้าด้วยเทคนิค Dermolift
- โบท็อกเยอรมัน Xeomin พัฒนาโดยนำเอาจุดเด่นของ Allergan และ Dysport เข้าไว้ด้วยกัน มีความบริสุทธิ์สูง ไม่กระจุกตัวแคบเกินไป ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ สามารถใช้ในเคสดื้อโบ ที่หยุดการฉีดโบท็อกมาอย่างน้อย 2-3 ปี
- โบท็อกเกาหลี Nabota ตัวยามีความบริสุทธิ์ ออกฤทธิ์ไว กระจายตัวเป็นวงกว้าง จากประสบการณ์ของหมอพบว่าเห็นผลเร็วกว่าโบท็อกเกาหลียี่ห้ออื่นเล็กน้อยครับ เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์เร่งด่วน
- โบท็อกเกาหลี Aestox มีการพัฒนาเลียนแบบโครงสร้างโมเลกุลให้เหมือนโบท็อก Allergan ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ หลังฉีดหน้าไม่แข็ง ออกฤทธิ์ไว เห็นผลเร็ว ราคาย่อมเยา แต่อยู่ได้สั้นกว่า Allergan
- โบท็อกเกาหลี Neuronox ใช้สายพันธุ์ออริจินัล Hall A-Hyper มีงานวิจัยหลายชิ้นรองรับ ตัวยามีความบริสุทธิ์สูง ลดโอกาสดื้อโบ กระจายตัวแคบ ผลลัพธ์แม่นยำ และมีราคาย่อมเยา
ทั้งนี้ทั้งนั้น การเลือกยี่ห้อที่เหมาะสมควรพิจารณาคำแนะนำของแพทย์ที่ดูแลคุณ และตรวจสอบว่าผลิตภัณฑ์นั้นได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลในประเทศของคุณหรือไม่ แพทย์ที่มีประสบการณ์จะสามารถแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมที่สุดตามความต้องการของแต่ละบุคคลและประวัติการรักษาของพวกเขา
12. ผลิตภัณฑ์โบทูลินั่มท็อกซินที่ มายด์โฮมคลินิก มีให้บริการ
Neuronox จากประเทศเกาหลี
Neuronox เป็นโบท็อกสัญชาติเกาหลี ผลิตโดยบริษัท Medytox ตัวยาสกัดจากเชื้อแบคทีเรียคลอสตริเดียม สายพันธุ์ออริจินัล Hall A-Hyper ซึ่งเป็นสายพันธุ์เดียวกับโบท็อก Allgeran ที่เป็นโบท็อกยี่ห้อแรกในวงการความงาม และเป็นต้นแบบของโบท็อกยี่ห้ออื่น ๆ มีงานวิจัยหลายชิ้นรับรองถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยของแบคทีเรียสายพันธุ์นี้ครับ
สารโบทูลินัม ท็อกซิน เอ (Botulinum Toxin Type A) ใน Neuronox มีจุดเด่นอยู่ที่มีความบริสุทธิ์สูง ลดโอกาสเกิดการดื้อยา ตัวยากระจายตัวแคบ และให้ผลลัพธ์แม่นยำ
Allergan จากประเทศอเมริกา

Allergan โบทูลินั่มท็อกซินชื่อดังอันดับต้น ๆ จากอเมริกา ที่ได้รับการรับรองจาก อยอเมริกา (US FDA) จึงได้รับความนิยมในหลายประเทศ และหลาย ๆ คนนึกถึงเป็นอันดับแรก
หรืออาจะประมาณได้ว่า เป็นแบร์นแรกที่คิดค้นนำสารโบทูลินั่มท็อกซิน มาใช้ในวงการแพทย์และความงาม จนได้รับความนิยมและน่าเชื่อถืออย่างแพร่หลายในวงการคลินิกความงามในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก
- เป็นโบทูลินั่มท็อกซินที่มีความบริสุทธิ์สูงถึง 995% ดื้อยาน้อย
- ตัวยาโมเลกุลใหญ่ ควบคุมการกระจายตัวได้ดี
- เห็นผลรวดเร็วภายใน 2-3 วัน สำหรับลดเลือนริ้วรอย
- เห็นผลรวดเร็วภายใน 4-7 วัน สำหรับปรับรูปหน้า ลดขนาดกล้ามเนื้อ
- หลังฉีดอยู่ได้นานประมาณ 6-8 เดือน
- มีผลวิจัยรับรองมากมายกว่า 4000 งานวิจัย
สีของกล่องมีความต่างกันในเรื่องของจำนวนยูนิต โดยกล่องขาวม่วงขนาด 100 ยูนิต กล่องขาวแดงขนาด 50 ยูนิต
- มีซีลใสป้องกันการเปิด ปิดสนิทที่กล่อง
- กล่องสามารถเปิดด้านข้างได้
- มีเลขทะเบียน อย และเอกสารกำกับภาษาไทย
- ขวดโบทูลินั่มท็อกซิน ด้านข้างเมื่อส่องกับแสงไฟ จะมีโฮโลแกรมลักษณะเรืองแสงและปรากฎตัวหนังสือคำว่า Allergan
- มีสติ๊กเกอร์ระบุรุ่นการผลิต วันหมดอายุ และชื่อผู้ใช้ยาที่สามารถลอกออกเพื่อใช้ประโยชน์ในการติดตามการใช้ยาได้
XEOMIN จากประเทศเยอรมัน

Xeomin โบทูลินั่มท็อกซินจากประเทศเยอรมัน ที่ผลิตโดยบริษัทที่ทำธรุกิจเกี่ยวกับด้านเวชศาสตร์ความงาม ยารักษาโรค มาอย่างยาวนานมากกว่า 1 ศตวรรษ อย่างบริษัท Merz Pharma GmbH & Co KGaA โบทูลินั่มท็อกซินนี้ผ่านการรับรองจาก อยอเมริกา (US FDA) อยไทย (THAI FDA) และยุโรป
Xeomin โบทูลินั่มท็อกซินที่ใช้กระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยี XTRACT Technology แยกส่วนประกอบโปรตีนที่ไม่จำเป็นออกจากโมเลกุลของ Xeomin จึงทำให้เป็นโบทูลินั่มท็อกซินที่มีโปรตีน0% และเป็นเพียงตัวเดียวในปัจจุบัน จึงทำให้มีความบริสุทธิ์สูงที่สุดถึง 997% และเป็นโมเลกุลที่เบาที่สุดในโบทูลินั่มท็อกซินที่มีอยู่ในขณะนี้
- ทำให้มีค่าความบริสุทธิ์สูง
- เป็นธรรมชาติหลังจากฉีด
- เห็นผลไว
- อยู่ได้นาน 4-6 เดือน
- โอกาสดื้อยาต่ำ
ตัวยามีความบริสุทธิ์สูงลดโอกาสดื้อโบท็อก ตัวยากระจายตัวแคบ ให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำออกฤทธิ์ไว เห็นผลเร็วราคาย่อมเยา
- กล่องต้องปิดสนิท
- มีเลข Lot ผลิตและวันหมดอายุบนกล่องระบุชัดเจน
- เลข Lot บนกล่องและขวด ข้อมูลต้องตรงกัน
- ภายในกล่องมีเอกสารกำกับทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
- ฝาต้องเป็นสีน้ำเงินเข้ม
- ภายในขวดต้องมีผงผลึกสีขาวอยู่
- ตรวจสอบคลินิกที่ใช้ Xeomin โบทูลินั่มท็อกซินของแท้ได้ที่ https://wwwmerzaestheticscoth/
โปรโมชั่นพิเศษ
รีวิวการรักษาของเรา
แสดงผลลัพธ์ Before-After และรีวิวจากผู้ใช้จริง

รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยสิว

รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยสิว

รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยสิว
ช่องทางติดต่อของเรา

ติดต่อสอบถาม / นัดหมาย
สามารถปรึกษาคุณหมอ และสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรโมชั่นได้ที่
- Mind Home Clinic มายด์โฮมคลินิก
- @mindhomeclinic101
- mindhomeclinic
- mindhomeclinic101
- 083 456 6017
- คลินิกเปิดทุกวัน จันทร์ - อาทิตย์ เวลา 10.00-19.00 น.
สถานที่ตั้งคลินิก
มายด์โฮมคลินิก 140/1 ถ.ปัทมานนท์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด 45000